พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต 2546 : 9-10) กล่าวว่า
สังคมข่าวสารข้อมูลหรือสังคมสารสนเทศโลกมีข่าวสารข้อมูลแพร่กระจายกว้างขวางทั่วถึงรวดเร็วมาก
ก็คิดว่าคนจะฉลาด คนจะมีปัญญา จะเข้าสู่ยุคแห่งปัญญา
แต่ที่จริงการมีข่าวสารมากไม่จำเป็นต้องทำให้คนมีสติปัญญา หากว่าไม่พัฒนาคนให้รู้จักรับและใช้ข้อมูลนั้น
และกล่าวสรุปไว้ว่าจำแนกคนได้สามประเภท ดังนี้
1.
กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อ ในกรณีที่คนไม่พัฒนาสติปัญญาอย่างถูกต้องให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่าง แท้จริง และสามารถถือเอาประโยชน์จากข่าวสารข้อมูลได้ก็จะเป็นโทษอย่างมาก
ข่าวสารข้อมูลจะกลายเป็น เครื่องมือล่อเร้าและหลอกลวง ทำให้คนเป็นเหยื่อ
2.
กลุ่มที่รู้เท่าทัน คนจำนวนมากมีความภาคภูมิใจว่าตนตามทันข่าวสารข้อมูล
มีข่าวสารข้อมูล อะไรออกมาก็ตามทันหมด ปรากฏว่าตามทันเท่านั้น แต่ไม่รู้เท่าทัน
และก็ถูกกระแสข่าวสารข้อมูลท่วมทับ พัดพาไป กรณีเช่นนี้ถ้ามีปัญญารู้เท่าทันก็จะทำให้ดำรงอยู่ท่ามกลางกระแสได้
เป็นผู้ที่ยืนหยัดตั้งหลักอยู่ได้
3.
กลุ่มที่อยู่เหนือกระแส การรู้เท่าทันยังไม่พอ ควรที่จะสามารถทำได้ดีกว่านั้นอีกคือขึ้นไปอยู่
เหนือกระแส เป็นผู้ที่สามารถนำเอาข้อมูลข่าวสารมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
คนกลุ่มนี้สามารถ จัดการกับกระแส โดยทำการเปลี่ยนแปลงในกระแสหรือนำกระแสให้เดินไปในทิศทางใหม่ที่ถูกต้อง
ศูนย์พัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ (http://www.dlthailand.com/thina-khxng-khorngkar) อ้างอิงงานวิจัยของ
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่ง ของปัญหาของการพัฒนาประเทศไทยวาสาเหตุหลักสวนหนึ่ง ของปัญหา คุณภาพการศึกษาไทย
คือ การระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบันเป็นระบบที่ไม่เอื้อต่อการสร้าง ความรับผิดชอบ (Accountability) หลักสูตรและตำราเรียนของไทยไม่สอดคล้องกับ การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่
21 (21st Century Skills) ซึ่งมีผลทำให้การเรียนการสอน ตลอดไปจนถึงการทดสอบยังคงเน้น
การจดจำเนื้อหามากกว่าการเรียนเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง
อีกทั้งสภาพการจัดการศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบัน กำลังประสบปัญหาในด้านคุณภาพของนักเรียน
ปรากฏอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งมีสาเหตุจาก การขาดครูหรือครูไม่ครบชั้นไม่
ครบสาระการเรียนรู้ครูมีประสบการณ์หรือทักษะการจัดการเรียนรู้น้อย ขาดสื่อ
อุปกรณ์ที่ทันสมัยและการเข้าถึงได้ลำบาก ครูมีเวลาในการจัดการเรียนการสอนน้อย
กิจกรรมของโรงเรียนมีมาก ทรัพยากรที่มีกระจัดกระจายไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า
และการแก้ปัญหาต่างๆก็ทำได้ในวงจำกัด
กระทรวงศึกษาธิการ
ได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมี กิจกรรมหลัก
คือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล โดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรมย่อย
คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV)
และการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกล
ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีทางไกล
(Distance Learning) เป็นการจัดการศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี
ในการจัดการเรียนการสอนในทุกห้องเรียน แก้ปัญหาการ ขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก
ครูสามารถจัดการเรียนรู้ในทุกสาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนและ ครู
ได้เข้าถึง สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย
นักเรียนและครูมีเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และทุกภาคส่วนเข้า มามีส่วนร่วม
ในการจัดการศึกษา การนำเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล (Distance
Learning) มายกระดับ คุณภาพการศึกษา เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance
Learning Television : DLTV) และการจัดการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Distance Learning via Information Technology : DLIT) มาดำเนินงาน
โดยเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษา โดยมีการจัด
สภาพการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ของครูอย่างครบถ้วน
ทั้งกระบวนการออกแบบกิจกรรมการ เรียนการสอนที่เน้น กระบวนการสร้างความรู้
จากการลงมือปฏิบัติ เนื้อหา ตลอดจนสื่อและอุปกรณ์ที่จำเป็น ในการจัดเรียนการสอน
อันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ลดช่องว่างและเพิ่มโอกาสในการ
เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับ ประชาชนไทยทุกคน อันเป็นการดำเนินการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
และสนองพระราชดำริในการที่จะพัฒนาการศึกษาไทยให้เจริญก้าวหน้า
เศรษฐพงค์
มะลิสุวรรณ (การศึกษาจะถูกเปลี่ยนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล บทความไอที 24ชั่วโมง
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2016) ได้เสนอบทความเรื่อง การศึกษาจะถูกเปลี่ยนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
สรุปความว่า เทคโนโลยีที่โดดเด่นที่กำลังทำให้สิ่งของทุกสรรพสิ่งบนโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้
นั้นคือ Internet of Everything (IoE) IoE จะสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้
ที่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา เช่น
นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในลอนดอนสามารถร่วมรับฟังการบรรยายจาก
สถาบันการศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้ โดยอาศัยอุปกรณ์สื่อสารที่ทำให้ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคในการเรียน
โดยข้อมูลการเรียนรู้และข้อมูลทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ตลอดเวลาข้อมูล
และสื่อการสอนต่างๆ ที่มีอยู่จะถูกนำมาใช้ร่วมกันในรูปแบบใหม่
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลกระทบต่อ “วิธีการ” และ “สถานที่” ที่ใช้ในการเรียนรู้ ดังนั้นผู้เรียนจะต้องเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ต้องการเรียนรู้
เศรษฐกิจ ที่เฟื่องฟูทำให้ IoE มีความจำเป็นมากกว่าทักษะและจำนวนของผู้เชี่ยวชาญ
อีกทั้งการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นโดย IoE จะทำให้อุปกรณ์สามารถนำมาใช้ประเมินประสิทธิภาพของผู้เรียน สามารถออกแบบแบบฝึกหัดหรือแบบทดสอบเพื่อทดสอบจุดอ่อนและจุดแข็งของผู้เรียน
และผู้เรียนสามารถประเมินศักยภาพได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ IoE ยังสามารถเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของผู้มีความบกพร่องทางร่างกายและทางสติปัญญา
เช่น ในประเทศออสเตรเลีย นำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปใช้ในโรงเรียนสอนผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย
โดย เซ็นเซอร์จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ภาษามือของผู้เรียน และใช้ในการปรับปรุงการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนสมาธิสั้น
โดยการตรวจเช็คการทำงานของสมองและการให้รางวัลสำหรับผู้เรียนที่มีพัฒนาการเรียนที่ดีขึ้น
คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
(กอปศ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ข่าวประชาสัมพันธ์ วันที่ 4 พฤษภาคม 2561)
ได้นำเสนอ Digital Learning Platform แนวทางการจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์และการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
ณ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สรุปได้ว่า ในเรื่องของการศึกษา
สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือปรับกระบวนทัศน์ (Paradigm) ให้ชัดเจน
ชัยชนะจะ เกิดขึ้นได้อยู่ที่ Big data ซึ่ง Big data ในที่นี้ความหมายที่ถูกต้องคือ
ข้อมูลที่เอามาวิเคราะห์และเอาไปใช้ ประโยชน์ในการบริหารได้โดยสะดวก
ไม่ใช่หมายถึงข้อมูลจำนวนมากที่จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์แม่ข่าย นอกจาก Big data แล้ว
จิตวิทยาในการจัดการศึกษาเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ ต้องออกแบบในสิ่งที่ผู้เรียนอยากเรียน
ไม่ใช่ออกแบบอย่างที่เราต้องการ ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยให้ ความสนใจกับผู้ใช้ (User) และผู้เรียน (Learner) กระทรวงศึกษาธิการต้องตั้งโจทย์ว่าผู้เรียนอยากรู้อะไรที่ไม่
เคยรู้และไม่เคยคิดว่าจะมีทางทำได้ ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสำคัญ 5
ด้าน ได้แก่
1)
Digital Infrastructure การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการโครงการเน็ตประชารัฐเข้าถึงพื้นที่ระดับชุมชุน
2)
คนกับดิจิทัล
ต้องมีการสร้างคนในระดับต่างๆ
การศึกษาต้องจับคู่กับความต้องการของด้านแรงงานให้เหมาะสม
ว่ามีความต้องการคนทำงานที่มีคุณสมบัติอย่างไร และด้วนใดบ้าง เพราะจะเห็นได้ว่าในบางธุรกิจเช่นธุรกิจธนาคาร
หรือบางอุตสาหกรรม คนเริ่มถูก AI เข้ามาแทนที่แล้ว
3)
Big data ในภาครัฐ ต้องมีการบูรณาการข้อมูลระหว่างกระทรวงเพื่อนำมาวิเคราะห์ออกแบบ และวางแผนทางด้านนโยบายต่างๆ เช่น
การเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตกำลังคนในระบบการศึกษาตอบโจทย์ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรม
เป็นต้น
4)
Cyber Security ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
5)
Internet of Things (IOT) มหาวิทยาลัยต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี IOTอย่างเร่งด่วน
อติพร เกิดเรือง (2560) ได้เสนอผลการศึกษาเรื่อง
การส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เพื่อรองรับสังคมไทยในยุคดิจิทัล (วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง 173 – 184) สรุปดังนี้ 1. การเรียนรู้ในศตวรรษที่
21 เพื่อรองรับสังคมในยุคดิจิทัล มี 4 องค์ประกอบหลัก
คือ 1) การเรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัล 2) การคิดสร้างสรรค์
3) การสื่อสารที่ประสิทธิภาพ และ 4) ผลิตภาพที่มีคุณภาพสูง
2. การเรียนรู้จากยุคเดิมสู่ยุคดิจิทัล ต้องจัดการเรียนรู้
ที่คำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเรียน การทำงาน และการดำรงชีวิต
เน้นการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการค้นคว้าด้วยตนเองโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยใน
การจัดการเรียนรู้ให้มากที่สุด ผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในการเรียนรู้ตามหลักสูตร
และการวัดผลและประเมินผลพัฒนาการมากกว่าการวักผลสัมฤทธิ์ 3. การจัดการศึกษาในยุคดิจิทัล ต้องคำนึงถึงการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเน้นการสร้างสรรค์ปรับแต่ง
การเรียนรู้การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ไข้ปัญหาที่ซับซ้อน
เน้นการใช้เครือข่ายออนไลน์ การจัดการเรียนรู้สร้างสถานการณ์
จำลองให้ผู้เรียนพบประสบการณ์จริงเนื้อหารการเรียนรู้ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่ายออนไลน์
สามารถสร้างองค์ความรู้แบ่งปันความรู้และเนื้อหาผ่านเครือข่ายออนไลน์และส่งเสริมความรู้ในโลกแห่งการทำ
งานมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น