ครูมีความพร้อมที่จะปรับสไตล์การสอนแบบใดแบบหนึ่งโดยที่รู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ได้ครูเป็นเสมือนผู้ช่วยเหลือ
ผู้กวดขันวินัย นักแสดง เพื่อน ภาพลักษณ์ของพ่อหรือแม่ ผู้ปกครองที่มีอำนาจ จิตรกรพี่ชายใหญ่
หรือพี่สาวใหญ่ หรือแสดงเป็นตัวอย่างของรูปแบบการสอนสไตล์การสอนเป็น “คุณภาพที่แผ่ซ่านอยู่ในพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เป็นคุณภาพที่คงอยู่แม้ว่าเนื้อหาจะเปลี่ยนแปลง”
(Fischer
and Fischer, 1976:245)
หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นคุณภาพตามเนื้อหาจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร คุณภาพของจะคงอยู่ฟิสเชอร์ทั้งสองได้สังเกตว่าครูมีความแตกต่างกันในรูปแบบการสอน
เช่นเดียวกับประธานาธิบดีของรัฐบาลอเมริกาแต่ละบุคคลที่มีรูปแบบการพูดที่แตกต่างกัน
นักวาดภาพที่มีชื่อเสียงที่มีความแตกต่างกันในรูปแบบของกิจกรรมหรือนักเทนนิสที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางก็มีรูปแบบการเล่นที่เป็นของตัวเองไม่เหมือนใคร
ครูที่มีเสียงสูงและเสียงแบนจะมีความยากในการใช้วิธีสอนแบบบรรยาย
ครูที่แต่งเครื่องแบบหรือมีท่าเป็นทางการจะสามารถจัดการกับห้องเรียนที่อึกทึกได้
ครูที่ขาดความเชื่อมั่นในทักษะการจัดการ
อาจจะรู้สึกไม่ชอบใจกับความเป็นอิสระอย่างไม่มีขอบเขตของผู้เรียนไม่ชอบใจกับการอภิปรายชนิดที่เป็นปลายเปิด
และถ้าครูระดับต่ำมีแนวจูงใจต่ำที่จะปฏิเสธการอ่านเรียงความหรือรายงานประจำภาคของผู้เรียนอย่างระมัดระวังแล้ว
วิธีเช่นนี้จะมีประโยชน์น้อยมาก
ครูที่มีใจชอบความคงแก่ผู้เรียน
ชอบที่จะรวมเอาวิธีสอนหลากหลายที่ได้จากผลการวิจัยมาใช้ ครูที่ให้ความสนใจกับประชาชนจะเลือกวิธีสอนที่ครูและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กันและนักเรียนไม่เพียงแต่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนทั่วๆ
ไปทั้งในและนอกโรงเรียนด้วย
ครูที่มีความเชื่อมั่นกับงานของตนเอง
จะเชื้อเชิญให้ผู้อื่นมาเยี่ยมชมชั้นเรียนจะใช้ทรัพยากรบุคคล โสตทัศนูปกรณ์
วีดีทัศน์ เป็นกิจกรรมในชั้นเรียน ครูที่มีความเป็นประชาธิปไตยจะออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่ยอมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ครูบางคนปฏิเสธที่จะใช้โสตทัศนูปกรณ์
เพราะรู้สึกว่าไม่มีสมรรถนะเพียงที่จะใช้เครื่องมือและมีเจตคติว่าการใช้สื่อทำให้เสียคุณค่าของเวลา
แบบการสอนของผู้สอน
มีความสัมพันธ์บางอย่างกับแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังที่กล่าวมาแล้วว่า
ผู้เรียนบางคนมีความสามารถในการแสดงออกด้วยการพูดดีกว่าการเขียน บางคนสามารถที่จะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของนามธรรม
ในขณะที่คนอื่นๆ เพียงแต่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยสิ่งที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น
บางคนเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้เทคนิคการฟังและการดูมากกว่าการอ่าน
บางคนสามารถทำงานภายใต้ความกดดันได้ ผู้เรียนที่มีแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างในแบบการสอนด้วย
ในความจริงแล้วจำนวนผู้เรียนยิ่งมากาขึ้นเท่าไหร่ความแตกต่างของผู้เรียนยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
ผู้สอนต้องรับรู้ว่าแบบการสอนสามารถให้ความกระทบอย่างแรงกล้าต่อสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน
แบบการสอนแต่ละครั้งสามารถที่จะจะผสมผสานให้เข้ากับจุดหมายของผู้เรียนได้
แบการสอนไม่สามารถเลือกในลักษณะเดียวกันกับการเลือกกลวิธีการสอนได้
แบบการสอนไม่ใช่สิ่งที่พร้อมที่จะเปิดปิดสวิตซ์ได้
ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายที่จะเปลี่ยนการมุ่งงานไปเป็นการมุ่งให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะทำได้ เหนือสิ่งอื่นใด
ผู้สอนที่ไม่มีการตื่นเต้นทางอารมณ์จะเปลี่ยนเป็นผู้สอนที่มีความตื่นเต้นทางอารมณ์ได้หรือไม่
มีคำตอบอยู่สองคำถามเกี่ยวกับแบบการสอนว่า ผู้สอนสามารถเปลี่ยนแบบการสอนได้หรือไม่
และผู้สอนควรเปลี่ยนแบบการสอนหรือไม่
บางที่จะพบว่า
คำถามที่ยิ่งใหญ่ คือ ผู้สอนควรเปลี่ยนแปลงแบบการสอนหรือไม่
มีคำตอบอยู่สามข้อต่อคำถามที่ตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่าผู้สอนสามารถเปลี่ยนแบบการสอนได้
คือ ประการแรก แนวคิดที่ว่าแบบการสอนตรงกับแบบการเรียนรู้ของผู้เรียน
จึงได้มีความพยายามที่จะวิเคราะห์แบบการสอนและแบบการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างถูกต้องสมควร
และจัดกลุ่มผู้เรียนและผู้สอนที่มีแบบการเรียนและแบบการสอนที่ สอดคล้องกัน
ประการที่สอง
ตามแนวความคิดที่ว่า มีคุณความดีบางอย่างในการที่จะเผยให้ผู้เรียนทราบถึงแบบการเรียนรู้ของบุคคลที่มีความหลากหลายแตกต่างกันอย่างมากในระหว่างที่พบเห็นในโรงเรียน
เพื่อให้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลในแบบต่างๆ แม้ว่าผู้เรียนบางคนอาจจะชอบมากกว่าที่จะให้มีโครงสร้างแต่เพียงเล็กน้อย
ไม่เป็นทางการ ใช้วิธีการผ่อนคลายในขณะที่อยู่ในโรงเรียน
ผู้เรียนที่จบจากมัธยมตอนปลายที่มุ่งงานและผู้สอนที่ยึดวิชาเป็นศูนย์กลางจะเป็นคนที่เรียกว่า
เท้าอุ่น จะมีหลัก มีความ มั่นคงช่วยให้ประสบผลสำเร็จ
ประการที่สามต่อคำถามว่า
ผู้สอนควรจะเปลี่ยนแบบการสอนหรือไม่ มีแนวคิดว่า ครูควรจะยืดหยุ่น
ใช้แบบการสอนให้มากว่าหนึ่งแบบ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่าหลากวิธีการสอนให้ผู้เรียนกลุ่มเดียวกัน
หรือกับผู้เรียนต่างกลุ่มกันคำตอบนี้รวมถึงลักษณะของการตอบประการแรกประการที่สองด้วยผู้สอนจะมีหลากหลายแบบการสอนสำหรับกลุ่มผู้เรียนพิเศษด้วยสัญลักษณ์ที่เหมือนกัน
ถ้าผู้สอนสามารถทำได้ ทำให้ผู้เรียนพบกับแบบการสอนที่หลากหลายของผู้สอน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ที่รับเลือกต้องอนุโลมให้มี แบบการสอนที่สามารถเรียนแบบได้ด้วย
นั่นคือ เหตุผลที่แสดงว่าทำไมเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้สอนที่ต้องรู้ว่าผู้เรียน
เป็นใคร เป็นอะไร และเชื่อถืออะไรบ้าง ดันน์และดันน์ ได้กล่าวว่า
เกี่ยวกับผลของเจตคติความเชื่อ ของครูต่อแบบการสอนว่า
เจตคติของครูต่อโปรแกรมการเรียนการสอน
วิธีการสอนและแหล่งวิทยาการที่หลากหลายตลอดจนลักษณะของเด็กๆ
หรือผู้เรียนที่ผู้สอนชอบทำงานด้วยผสมผสานหลอมหล่อกันเป็นส่วนหนึ่งของ “แบบการสอน”
อย่างไรก็ตามมีความจริงอยู่ว่า ผู้สอนบางคนเชื่อในรูปแบบของการเรียนการสอนพิเศษซึ่งไม่ใช่การปฏิบัติอื่นๆ
ซึ่งผู้สอนไม่ได้ให้ความเชื่อถือ (อำนาจในการบริหารหรืออำนาจของชุมชน ความไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหรืออดทนต่อแรงกดดัน)
และความเป็นจริงด้วยเหมือนกันอีกว่า ผู้สอนอาจจะชอบผู้เรียนที่มีความแตกต่างไปจากที่สอนอยู่มากกว่าก็เป็นได้
ฟิชเชอร์และฟิชเชอร์
ได้บ่งชี้แบบการสอนที่ประกอบด้วย การรอบรู้ภาระงาน การวางแผนร่วมมือกัน
การให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และการให้ความตื่นเต้นทางอารมณ์และเป็นแบบอย่าง
การมุ่งงาน ครูจะกำหนดสิ่งที่ต้องการเรียนรู้และบอกถึงความต้องการในการปฏิบัติงานของนักเรียน
การเรียนที่จะประสบผลสำเร็จอาจจะเฉพาะเจาะจงไปที่พื้นฐานของนักเรียนแต่ละคน
และมีระบบที่จะให้นักเรียนแต่ละคนเป็นไปตามความคาดหวังอย่างชัดเจนมั่นคง
การวางแผนการร่วมมือกัน
ครูร่วมกันวางแผนวิธีการและจุดหมายปลายทางของการเรียนการสอนด้วยความร่วมมือของนักเรียน
ครูไม่เพียงแต่จะรับความคิดเห็นเท่านั้น แต่ครูต้องกระตุ้นให้การมีส่วนร่วมของนักเรียนทุกระดับชั้นด้วย
การให้นักเรียนเป็นจุดศูนย์กลาง ครูจัดหาจัดเตรียมโครงสร้างต่างๆ
สำหรับนักเรียนเพื่อให้ติดตามแสวงหาความรู้ตามที่ต้องการหรือตามความสนใจ
สไตล์แบบนี้ไม่เพียงแต่จะพบว่ามีน้อย แต่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการให้เป็นไปตามที่คาดหวัง
เพราะว่าชั้นเรียนที่มีอัตราส่วนระหว่างนักเรียนกับครู และนักเรียนกับสิ่งแวดล้อมในความรับผิดชอบจะกระตุ้นส่งเสริมความสนใจของนักเรียนบางคน และทำให้นักเรียนบางคนเกิดความท้อแท้ใจโดยอัตโนมัติ
การให้เนื้อหาวิชาเป็นศูนย์กลาง
วิธีการนี้ครูจะเน้นไปที่เนื้อหาวิชาที่จัดไว้ดีแล้ว โดยกับผู้เรียนออกไป
และคิดว่าเนื้อหาวิชาที่จัดนั้น ครอบคลุมรายวิชาครูจะพึ่งพอใจแม้ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นน้อย
การให้การเรียนรู้เป็นศูนย์กลาง
วิธีการนี้ครูจะให้ความสำคัญเท่าๆ กันระหว่างนักเรียนและจุดประสงค์ของหลักสูตร
ตลอดจนสิ่งที่จะใช้ในการเรียน ครูจะปฏิเสธการเน้นอย่างมากเกินไปทั้งในด้านการให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
และการให้เนื้อหาเป็นศูนย์กลางแทนการช่วยเหลือนักเรียน โดยไม่คำนึงว่านักเรียนมีความสามารถหรือไม่มีความสามารถ
เพื่อที่จะพัฒนาไปสู่เป้าประสงค์ที่มีความเป็นไปได้ให้ดีเท่าๆ
กับอิสรภาพในการเรียนรู้ของนักเรียน
ให้มีการตื่นเต้นทางอารมณ์และเป็นแบบอย่าง วิธีการนี้ครูจะแสดงอารมณ์ที่เกี่ยวกับการสอนอย่างเข้มข้น
ครูจะเข้าไปอยู่ในกระบวนการสอนอย่างใจจดใจจ่อ และโดยปกติแล้วจะก่อให้เกิดบรรยากาศของชั้นเรียนที่ตื่นเต้นและมีอารมณ์ร่วมสูง
ไม่มีข้อสงสัยเลยที่จะพบว่าประเภทของการสอนบางอย่างชวนให้ใช้และได้รับการยอมรับมากกว่าประเภทอื่นๆ
เราอาจจะบ่งชี้ได้ว่าการสอนบางประเภทเป็นลบ (ตัวอย่างคือ พฤติกรรมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย)
บางประเภทเป็นบวก (เช่น การคำนึงถึงนักเรียน) เราซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต คงจะยอมรับประเภทของการสอนซึ่งเป็นแบบอย่างของตน ดังที่
ฟิชเชอร์และฟิชเชอร์ ได้กล่าวว่า
เราได้พิจารณาว่าสไตล์การสอนและการเรียนรู้ทั้งหมดมีความเหมาะสมเท่าเทียมกัน
มีอยู่บ่อยครั้งที่การสอนนั้นๆ เป็นสิทธิของการปฏิบัติที่ไม่สามารถจะโต้แย้งได้ “เอาล่ะนั้นมันเป็นวิธีการของผม/ฉัน ผมมีวิธีการของผม
คุณมีวิธีการของคุณ และแต่ละวิธีการก็ดีเหมือนๆ กับวิธีการอื่นๆ” ...ถ้าทุกความคิดของวิธีการนั้นๆ
อยู่บนพื้นฐานของความผูกพันต่อการเรียนการสอนรายบุคคล
และพัฒนาการของอิสรภาพของผู้เรียน
เราไม่ยอมรับการอนประเภทที่ส่งเสริมการบังคับให้ปฏิบัติตามและขึ้นอยู่กับผู้อื่น (Fisher
and fisher, 1976 : 409 - 401)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น